วันพุธที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2552

สร้างบ้านหลังใหม่

๑๖ ก.ย.๕๒
การสร้างบ้านของเราได้ล่วงเลยมาถึงขั้นตอนรอลงเสาเอก แล้วล่ะ
ย้อนกลับไปตั้งแต่เริ่มต้น สำหรับเป็นข้อมูลในการสร้างบ้านเลยแล้วกัน
เริ่มต้นสร้าง วางแผน

เขียนแบบบ้าน ให้เหมาะสมกับขนาดที่ดิน และความพอใจของผู้อยู่อาศัย โดยผมจ้างสถาปนิกที่เทศบาลเขียนแบบ(๓๐ มิ.ย.๕๒) บ้าน ๑ ชั้น พื้นที่ประมาณ ๑๙๐ ตรม. ค่าเขียนแบบ ๓๐,๐๐๐ บาท ใช้เวลาเขียนจนถึงอนุมัติให้สร้าง ประมาณ ๑ เดือน โดยมีผมเป็นผู้ควบคุมการก่อสร้าง(ไม่เกิน ๑ ชั้นใครก็ได้)

ที่ดิน เนื้อที่ ๒ งาน ขนาด ๒๘ คูณ ๒๘ เมตร อยู่ใกล้ที่ทำงาน ราคา ๑ ล้านบาท ผมวางมัดจำไว้ก่อน กำหนดจ่ายเต็มจำนวน พร้อมโอน วันที่ ๓๐ ก.ย.๕๒

เงินที่สร้างบ้านใช้จากที่ไหน ของผม กู้ธนาคารซื้อที่ดิน พร้อมปลูกบ้าน

หลังจากเทศบาลอนุมัติให้สร้างก็นำเอกสารยื่นกู้ ธนาคาร กำหนดเวลาไม่เกิน ๔๕ วัน ก็จะทราบผลอนุมัติ โดยขั้นตอนสุดท้ายจะเป็นประกันชีวิต ทำก็ได้ไม่ทำก็ได้ ผมขอคิดดูก่อน (จนท. หน้าตาไม่ค่อยสบอารมณ์เท่าไหร่) แต่สุดท้ายวันรุ่งขึ้นผมก็ไปแจ้งขอทำประกัน จนท.บอกว่าเมื่ออนุมัติแล้วก็ให้มาทำสัญญารับเงินค่าที่และค่าก่อสร้าง ๒๐ เปอร์เซนต์ได้เลย (ก็แปลกใจ ตอนมาติดต่อสอบถามข้อมูล ได้ความว่า ต้องก่อสร้างจนได้เสา แล้วจึงได้รับเงินงวดแรก ก็สอบถามกลับไป เค้าก็บอกว่าทำสัญญาเช้า บ่ายรับเงิน เราก็เออดี จะได้มีเงินให้เจ้าของที่ได้เลยไม่ต้องรอนาน...เย็นใจเลย)

อีกวันถัดมา จนท. ประเมินราคาก็โทรมานัดดูที่ เพื่อประเมินราคาให้ธนาคาร ค่าใช้จ่าย ๒,๔๐๐ บาท ระหว่างนี้ ต้องมีแก้ไขรายการก่อสร้างคือ ราคาที่ผมทำไปนั้นทางธนาคารเห็นว่าสูงเกินไป จึงต้องเพิ่มสิ่งปลูกสร้างเพิ่ม ผมจึงเพิ่มรั้วเข้าไปด้วย ใช้เวลาประมาณ ๓ สัปดาห์

๓๐ ส.ค. ๕๒ ธนาคารโทรมานัดรับเงินค่าที่ดินในวันจันทร์ ที่ ๗ ก.ย.๕๒ โดยให้ผมไปทำเอกสารที่ธนาคารในตอนเช้าแล้วไปทำเรื่องโอนที่ดิน สำนักงานที่ดิน แล้วกลับมารับเงิน ที่ ธนาคาร ผมยังงงเรื่องรับเงินเฉพาะค่าที่ดิน แล้วค่าก่อสร้างที่บอกไว้ล่ะ ...... น้องผู้หญิงที่โทรมา ก็เลยให้ผมคุยกับอีกคน ผมก็ถามเรื่องเงินค่าก่อสร้าง (ลืมถามเรื่องค่าที่ดิน) สรุปผมต้องไปสร้างบ้านก่อน จึงมาทำสัญญา ผมก็โทรนัดเจ้าของที่ดินไปพบกันที่สำนักงานที่ดิน (แล้วธนาคารเค้าก็ขอเบอร์เจ้าของที่ดินไปเพื่อโทรสอบถามข้อมูลบางอย่าง และแจ้งรายละเอียดให้ทราบ)

ระหว่างนี้ผมมีธุระที่ทำงานไม่ได้โทรไปยืนยันอะไรกับทางธนาคารเลย แต่ก็ยังมีเวลาไปหาฤกษ์ลงเสาเอก พระท่านว่าเดือนนี้(๕ ก.ย.๕๒)มีวันดีคือ ๙ ก.ย. แล้วก็ พุธที่ ๑๖ ก.ย. ถ้าเลยจากนี้ ต้องเป็น ๑๙ ต.ค.๕๒ ผมก็เลยเลือก ๑๙ ต.ค. ๕๒

๗ ก.ย.๕๒ ผมไปที่ธนาคาร จนท.ถามว่ามาทำอะไร ผมก็บอกว่ามาทำสัญญากู้เงิน จนท.บอกว่าไม่ได้นัดมาทำสัญญา พี่ต้องไปสร้างบ้านให้ได้เสาก่อนแล้วแจ้งผู้ประเมินไปถ่ายรูป เมื่ออนุมัติแล้วจึงมาทำสัญญา รับเงินค่าที่ พร้อมค่าก่อสร้าง ๒๐ เปอร์เซนต์ ผมก็งงอีกครั้ง แล้ว....ไปนัดเจ้าของที่ดินไว้ทำไง แล้วคุณเอาเบอร์เจ้าของที่ไปทำไม น้องผู้หญิงบอกว่า หนูเข้าใจผิด ขอโทษค่ะ หนูคิดว่าพี่คุยกันรู้เรื่องแล้ว และหนูก็โทรไปหาเจ้าของที่ แต่ไม่มีใครรับสาย ......แป่ว......ผมเสียคนเลย.......

สุดท้ายผมต้องขอโทษ เสียมัดจำเพิ่มขยายเวลาไปถึง ๓๑ ต.ค.๕๒ เพราะอีกไม่ถึงเดือน ทำไม่ทันแน่ แล้วก็ให้ค่าน้ำมันไปอีก ๒ พันบาท(เสียเงินฟรี) แล้วต้องรีบสร้างบ้านโดยด่วน

๑๒ ก.ย.๕๒ นัดช่างมาทำพิธี เสาเอก วันพุธ ที่ ๑๖ ก.ย. ๕๒ (ตามที่พระให้ไว้) ช่างก็ดำเนินการตัดหญ้าเพื่อดูพื้นที่เตรียม ตีผังในวันจันทร์ ที่ ๑๔ ก.ย. ติดต่อรถ JCB ไว้ ที่ราคา ๓,๐๐๐ บาท/ครึ่งวัน

๑๔ ก.ย. ๕๒ ช่วงเช้า ช่างพร้อม ผมก็ไปรับซินแส(มีพี่แนะนำ)เพื่อมาดูที่ดิน และกำหนดว่าบ้านจะอยู่แนวไหน เมื่อไปถึงก็นั่งคุยกัน ได้ความว่า เฮ้ย วันพุธหัวกุดท้ายเน่า เค้าไม่สร้างบ้านกันหรอก ........อ้าว...อีกแล้ว....ถามว่าแล้ววันไหนดีอ่ะ ก็ได้คำตอบว่า....รอไปก่อน ช่วงนี้ข้างแรมเค้าไม่ปลูกเหมือนกัน แล้วจากนี้ไปก็เป็นเดือน ๑๑ เค้าไม่สร้างเหมือนกัน ต้องรอ เดือน ๑๒ ตรงกับวัน จันทร์ ที่ ๑๙ ต.ค.๕๒ ..........ห๊าาา อีกตั้งเดือนกว่า แล้วจะทำไง ช่างก็นัดแล้ว ที่ก็มัดจำถึง ๓๑ ต.ค. ถ้าลงเสาเอก ๑๙ ต.ค. ไม่ทันแน่ มึนอีกแล้ว

ระหว่างนี้แฟนผมก็โทร. หาฤกษ์ที่เร็วที่สุด แล้วก็ได้เป็นวันจันทร์ ที่ ๒๑ ก.ย.๕๒ เออเอา ถึงจะเป็นเดือน ๑๑ แต่ก็เป็นวันดีสำหรับเรา(แฟนผมบอกว่า ใช้วิธีผูกดวงสามีและภรรยา) ตกลงได้ฤกษ์ ลงเสาเอก เรียบร้อย

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น